วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิทยากรร่วมค่ายลูกเสือชั่วคราวบ้านนาเพียง

เมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม 2555 ได้รับเชิญจากกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็ก ให้เป็นวิทยากรร่วมกิจกรรมเดินทางไกล เข้าค่ายพักแรม โรงเรียนขนาดเล็กประกอบไปด้วย โรงเรียนบ้านนาเพียง โรงเรียนบ้านไก่นา โรงเรียนบ้านโนนแต้ โรงเรียนบ้านน้ำเกี้ยงโนนสว่าง และโรงเรียนบ้านบึงแก (ข้อสังเกต โรงเรียนที่อยู่ห่างจากเมืองแม้จะชื่อว่าโรงเรียนขนาดเล็ก ก็จะมีนักเรียมากกว่าโรงเรียนใกล้เมือง) ขอขอบคุณ ผู้บริหาร คณะครูผูกำกับเจ้าหน้าที่และนักเรียน ลูกเสือเนตรนารีทุกคนที่ให้การต้อนรับ เป็นอย่างดี


วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

20 ธันวาคม 2510

เปิดไปดูหัวข้อ วันนี้ในอดีต พบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจคือ

20 ธันวาคม พ.ศ. 2510  : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิด มหาวิทยาลัยขอนแก่น

     20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิด มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างเป็นทางการ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีการก่อสร้างในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อปี 2507 โดยมีมติจัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูงด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ และเสนอชื่อสถาบันนี้ว่า มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาในปี 2508 คณะรัฐมนตรีมีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันเปิดสอน 17 คณะ เปิดสอนในระดับปริญญาตรี โท และเอก สีประจำมหาวิทยาลัยคือสีดินแดง ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือดอกกัลปพฤกษ์

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตลาดน้ำอโยธยา

ตลาดน้ำแห่งนี้ เป็นตลาดที่เกิดใหม่ อาจถือได้ว่าเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งก็ว่าได้ เจ้าของกิจการมีการจัดร้านค้าและออกแบบไว้ให้น่าสนใจ มีความเป็นระเบียบน่าดูพอสมควร มีการแสดงที่บอกเอาไว่ว่าฟรี แต่มีการขอบริจาคสนับสนุนนักแสดงอยู่ด้วย การแสดงแสงสีเสียงน่าสนใจ ยิ่งเป็นรอบเย็น ค่ำๆ สนุกดีทีเดียว เสียดายไม่ได้ถ่ย วีดีโอ มาฝาก

รายละเอียดหาชมได้หลายที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ เว็บเที่ยวตลาดน้ำอโยธยา

อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา

            เมื่อพูดถึง อยุธยา นับว่าคือ หน้าที่สำคัญของประวัติศาตร์ชาติไทย 
 นับจากอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึง 2310 มีกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง อาณาจักรอยุธยานับว่าเจริญรุ่งเรืองจนอาจถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคสุวรรณภูมิ 

การกำเนิด

การกำเนิดอาณาจักรอยุธยาที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางที่สุดนั้น อธิบายว่า รัฐไทยซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาในหุบแม่น้ำเจ้าพระยา เจริญขึ้นมาจากราชอาณาจักรละโว้ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ใต้การควบคุมของขะแมร์) และอาณาจักรสุพรรณภูมิ แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่า กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เพราะภัยโรคระบาดคุกคาม สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจึงทรงย้ายราชสำนักลงไปทางใต้ ยังที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงอันอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ซึ่งในอดีตเคยเป็นนครท่าเรือเดินทะเล ชื่อ อโยธยา (Ayothaya) หรือ อโยธยาศรีรามเทพนคร นครใหม่นี้ถูกขนานนามว่า กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ซึ่งภายหลังมักเรียกว่า กรุงศรีอยุธยา แปลว่า นครที่ไม่อาจทำลายได้
เดิมชาวไทยเริ่มตั้งถิ่นฐานบริเวณตอนกลาง และตอนล่างของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 แล้ว ทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขบุรี อโยธยา เสนาราชนคร และกัมโพชนคร ต่อมา ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรขอมและสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลง พระเจ้าอู่ทองทรงดำริจะย้ายเมืองและสถาปนาขึ้นมาใหม่และสถาปนาให้มีชื่อว่า กรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระเจ้าอู่ทองเป็นพ่อค้าเชื้อสายจีนที่ร่ำรวยจากเพชรบุรี นครชายฝั่งทางใต้ ผู้ซึ่งย้ายมาแสวงหาโชคลาภในนครอโยธยา ชื่อของนครชี้ถึงอิทธิพลของศาสนาฮินดูในภูมิภาค มีการเชื่อว่า นครแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับมหากาพย์รามเกียรติ์ ซึ่งดัดแปลงมาจากมหากาพย์รามายณะของฮินดู

การขยายอาณาเขต

เมื่อถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 อยุธยาก็ถูกพิจารณาว่าเป็น ชาติมหาอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในอุษาคเนย์แผ่นดินใหญ่ อยุธยาเริ่มครองความเป็นใหญ่โดยเริ่มจากการพิชิตราชอาณาจักรและนครรัฐทางเหนือ อย่างสุโขทัยกำแพงเพชรและพิษณุโลก ก่อนสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 15 อยุธยาโจมตีเมืองพระนคร (อังกอร์) ซึ่งเป็นมหาอำนาจของภูมิภาคในอดีต อิทธิพลของอังกอร์ค่อย ๆ จางหายไปจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และอยุธยากลายมาเป็นมหาอำนาจใหม่แทน
อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรอยุธยามิได้เป็นรัฐที่รวมเป็นหน่วยเดียวกัน หากเป็นการปะติดปะต่อกันของอาณาเขต (principality) ที่ปกครองตนเอง และประเทศราชที่สวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาภายใต้ปริมณฑลแห่งอำนาจ (Circle of Power) หรือระบบมณฑล (mandala) ดังที่นักวิชาการบางฝ่ายเสนอ อาณาเขตเหล่านี้อาจปกครองโดยพระบรมวงศานุวงศ์กรุงศรีอยุธยา หรือผู้ปกครองท้องถิ่นที่มีกองทัพอิสระของตนเอง ที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนแก่เมืองหลวงยามสงคราม ก็ได้ อย่างไรก็ดี มีหลักฐานว่า บางครั้งที่เกิดการกบฏท้องถิ่นที่นำโดยเจ้าหรือพระมหากษัตริย์ท้องถิ่นขึ้น อยุธยาก็จำต้องปราบปราม
ด้วยไร้ซึ่งกฎการสืบราชสันติวงศ์และมโนทัศน์คุณธรรมนิยม (meritocracy) อันรุนแรง ทำให้เมื่อใดก็ตามที่การสืบราชสันติวงศ์เป็นที่พิพาท เจ้าปกครองหัวเมืองหรือผู้สูงศักดิ์ (dignitary) ที่ทรงอำนาจจะอ้างคุณความดีของตนรวบรวมไพร่พลและยกทัพมายังเมืองหลวงเพื่อกดดันตามข้อเรียกร้อง จนลงเอยด้วยรัฐประหารอันนองเลือดหลายครั้ง
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 อยุธยาแสดงความสนใจในคาบสมุทรมลายู ที่ซึ่งมะละกาเมืองท่าสำคัญ ประชันความเป็นใหญ่ อยุธยาพยายามยกทัพไปตีมะละกาหลายครั้ง แต่ไร้ผล มะละกามีความเข้มแข็งทั้งทางการทูตและทางเศรษฐกิจ ด้วยได้รับการสนับสนุนทางทหารจากราชวงศ์หมิงของจีน ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 แม่ทัพเรือเจิ้งเหอแห่งราชวงศ์หมิง ได้สถาปนาฐานปฏิบัติการแห่งหนึ่งของเขาขึ้นที่มะละกา เป็นเหตุให้จีนไม่อาจยอมสูญเสียตำแหน่งยุทธศาสตร์นี้แก่คนไทย ภายใต้การคุ้มครองนี้ มะละกาจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นหนึ่งในคู่แข่งทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ของอยุธยา กระทั่งถูกโปรตุเกสพิชิตเมื่อ พ.ศ. 2054


การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง

เริ่มตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ราชอาณาจักรอยุธยาถูกราชวงศ์ตองอูแห่งพม่าโจมตีหลายครั้ง สงครามครั้งแรกคือ สงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ เมื่อ พ.ศ. 2091-92 แต่ล้มเหลว การรุกรานครั้งที่สองของพม่า หรือเรียกว่า "สงครามช้างเผือก" เมื่อ พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนองทรงบังคับให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิยอมจำนน พระบรมวงศานุวงศ์ทรงถูกพาไปยังอังวะ และสมเด็จพระราเมศวร พระราชโอรสองค์โต ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าประเทศราช เมื่อ พ.ศ. 2111 พม่ารุกรานอีกเป็นครั้งที่สาม และสามารถยึดกรุงศรีอยุธยาได้ในปีต่อมา หนนี้พระเจ้าบุเรงนองทรงแต่งตั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเป็นเจ้าประเทศราช

การฟื้นตัว

หลังพระเจ้าบุเรงนองเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2124 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงประกาศเอกราชแก่กรุงศรีอยุธยาอีกสามปีให้หลัง อยุธยาต่อสู้ป้องกันการรุกรานของพม่าหลายครั้ง จนในครั้งสุดท้าย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงปลงพระชนม์เมงจีสวา (Mingyi Swa) อุปราชาของพม่า ได้ในยุทธหัตถีเมื่อ พ.ศ. 2136 จากนั้น อยุธยากลับเป็นฝ่ายบุกบ้าง โดยยึดชายฝั่งตะนาวศรีทั้งหมดขึ้นไปจนถึงเมาะตะมะใน พ.ศ. 2138 และล้านนาใน พ.ศ. 2145 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงถึงกับรุกรานเข้าไปในพม่าลึกถึงตองอูใน พ.ศ. 2143 แต่ทรงถูกขับกลับมา หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2148 ตะนาวศรีตอนเหนือและล้านนาก็ตกเป็นของพม่าอีกใน พ.ศ. 2157 อยุธยาพยายามยึดล้านนาและตะนาวศรีตอนเหนือกลับคืนระหว่าง พ.ศ. 2205-07 แต่ล้มเหลว
การค้าขายกับต่างชาติไม่เพียงแต่ให้อยุธยามีสินค้าฟุ่มเฟือยเท่านั้น แต่ยังได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ด้วย กลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ระหว่างรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อยุธยามีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อยุธยาค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมเหนือหัวเมืองรอบนอก ผู้ว่าราชการท้องถิ่นใช้อำนาจของตนอย่างอิสระ และเริ่มเกิดการกบฏต่อเมืองหลวงขึ้น


การล่มสลาย

หลังจากยุคสมัยอันนองเลือดแห่งการต่อสู้ของราชวงศ์ กรุงศรีอยุธยาเข้าสู่ "ยุคทอง" สมัยที่ค่อนข้างสงบในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อศิลปะ วรรณกรรมและการเรียนรู้เฟื่องฟู ยังมีสงครามกับต่างชาติ กรุงศรีอยุธยาสู้รบกับเจ้าเหงียน (Nguyễn Lords) ซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามใต้ เพื่อการควบคุมกัมพูชา เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2258 แต่ภัยคุกคามที่ใหญ่กว่ามาจากพม่า ซึ่งราชวงศ์อลองพญาใหม่ได้ผนวกรัฐฉานเข้ามาอยู่ในอำนาจ
ช่วง 50 ปีสุดท้ายของราชอาณาจักรมีการสู้รบอันนองเลือดระหว่างเจ้านาย โดยมีพระราชบัลลังก์เป็นเป้าหมายหลัก เกิดการกวาดล้างข้าราชสำนักและแม่ทัพนายกองที่มีความสามารถตามมา สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้าย บังคับให้สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร พระเชษฐา ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ขณะนั้น สละราชสมบัติและขึ้นครองราชย์แทน
พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงยกทัพรุกรานอาณาจักรอยุธยา หลังจากอยุธยาว่างเว้นศึกมานานกว่า 150 ปี ซึ่งในขณะนั้น อยุธยาเกิดการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเจ้าฟ้าเอกทัศกับเจ้าฟ้าอุทุมพร อย่างไรก็ดี พม่าไม่อาจหักเอากรุงศรีอยุธยาได้ในการทัพครั้งนั้น
แต่ใน พ.ศ. 2308 พระเจ้ามังระ พระราชโอรสแห่งพระเจ้าอลองพญา ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกหนหนึ่ง ทรงแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน มุ่งเข้าตีอาณาจักรอยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้าน ฝ่ายอยุธยาต้านทานการล้อมของทัพพม่าไว้ได้ 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ กองทัพพม่าสามารถหักเข้าพระนครได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310

พระมหากษัตริย์

พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา มี 5 ราชวงศ์ คือ
  1. ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์
  2. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์
  3. ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์
  4. ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์
  5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 พระองค์
รวมมีพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น 33 พระองค์

ข้อมูลจาก  wikipedia.org

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตั้งอยู่ใน จังหวัดราชบุรี และยังเชื่อมไปถึง จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามเข้าด้วยกันตลาดน้ำดำเนินสะดวกมีสินค้าให้เลือกซื้อ ทั้งของกิน ของใช้ รวมถึงสินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึกมากมาย 

ประวัติ 

คลองดำเนินสะดวก เป็นนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นคลองที่ขุดด้วยแรงงานคนซึ่งขุดได้ตรงและยาวที่สุดในประเทศ จากพระราชดำริของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระประสงค์ให้ขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน เพื่อประโยชน์ในการคมนาคมและการค้าขาย คลองดำเนินสะดวก ใช้เวลาในการขุด ใช้เวลาขุด 2ปีเศษ จากปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเสร็จต้นรัชกาลที่ 5 มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรมีซอยน้อยแยกออกไปอีกประมาณ 200 คลอง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตลาดน้ำคลองต้นเข็ม สักประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอยู่ที่คลองลัดพลี หนาแน่นช่วงปากคลองต่อกับคลองดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำปัจจุบัน(ฝั่งตรงตลาดน้ำดำเนินสะดวก) มีเรือพายแท้ ๆ จากชาวสวนแน่นขนด สามารถเดินข้ามคลองได้โดยเหยียบไปบนเรือเหล่านั้น ปี 2514-2516 ตลาดน้ำคลองลัดพลีเป็นช่วงที่มีความเจริญมาก มีการค้าขายกับอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวแต่ชาวต่างชาติ จนมีนายทุนได้ทำการขุดคลองเทียมขึ้นมา ระหว่างคลองลัดพลี และคลองดำเนินสะดวก หวังที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ลาดน้ำที่แท้จริงหายไป (20กว่าปีมาแล้ว) ซึ่งตลาดน้ำในปัจจุบันนี้ เป้นเพียงการสตาฟตลาดน้ำในอตีตให้คงอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดน้ำดำเนินที่เก่าแก่กว่าร้อยปี ยังคงมีมนต์ขลังเป็นตลาดน้ำที่ยังคงเป็นของจริง ยังมีจากแม่ค้าที่นำผลไม้จากสวนมาขาย หรือบางครั้งอาจรับผลไม้มาจากรถบรรทุกที่อื่นขาย เป็นอารายสุดท้ายที่ควรไปชม


ข้อมูลจาก 

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย-นครปฐม

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ตั้งอยู่เลขที่ 43/2 หมู่ 1 ถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) กิโลเมตรที่ 31 ตำบลขุนแก้ว เป็นสถานที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสซึ่งมีความสวยงามและเหมือนจริงให้ ความรู้สึกนุ่มนวล ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของคุณดวงแก้ว พิทยากรศิลป์และกลุ่มศิลปินไทยซึ่งใช้เวลาค้นคว้าทดลองกว่า 10 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ในอันที่จะส่งเสริม เผยแพร่และอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของไทย ก่อตั้งโครงการเมื่อปีพ.ศ.2525 เปิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่าง จัดเป็นห้องแสดงถาวรจำนวน 7 ห้องประกอบด้วยหุ่นชุดต่างๆ ได้แก่ ชุดพระอริยสงฆ์ ชุดพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีและชุดมุมหนึ่งของชีวิตเป็นการ แสดงชุดหมากรุกไทย ชุดครอบครัวไทย ชุดเลิกทาส เป็นต้น ชั้นบน จัดเป็นห้องแสดงนิทรรศการชั่วคราวชุดต่างๆหมุนเวียนตามความเหมาะสม ปัจจุบันจัดแสดงเรื่องชุดครูเพลงไทย ชุดบุคคลสำคัญของโลก ชุดวรรณคดีไทย พระอภัยมณีของสุนทรภู่ ชุดการละเล่นของเด็กไทย ชุดประวัติศาสตร์ไทย พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด (จันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.30-18.00 น.)


เขาวัง - พระนครคีรี

ถ้าจำไม่ผิด การมาเขาวังครั้งนี้คงจะเป็นครั้งที่ 4 เข้าให้แล้ว สองครั้งแรกขึ้นจากทางด้านหลังคือจากด้านรถราง แต่ท่ีต่างไปจากทุกครั้งคือ ครั้งนี้มีเวลาน้อยกว่าทุกครั้ง จึงไปได้ไม่ทั่วถึง จึงขอนำเอาที่ไปที่มาของเขาวังมาว่าไว้สักนิดหนึง ดังนี้

เขาวัง หรือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เป็นสถาน ที่เที่ยวที่สำคัญของเพชรบุรีซึ่งถือได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ ของเมืองเพชรบุรี เพราะเมื่อเข้าสูเมืองเพชรบุรี  สิ่งที่จะได้เห็นโดดเด่นเห็นมาแต่ไกล  คือ เขาวัง ซึ่งมีเจดีย์และ อาคารสีขาวสะอาดเชาวัง เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 92 เมตร เดิมเรียกว่า เขาสมนหรือเขาคีรี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวัง สําหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเพชรนิสัยศรีสวัสดิ์ปลัดเมือง เพชรบุรีเป็นนายงานก่อสร้างจนสําเร็จเรียบร้อยเมื่อปีพ.ศ.2403 ทรงพระราชทานนามว่า พระนครคีรี แต่ชาวเมือง เพชรเรียกกันติดปากว่า เขาวัง สืบมาจนบัดนี้
เขาวังมีพระที่นั่ง พระตําหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรม ตะวันตกแบบ นิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ ๆ 3 ยอดด้วยกัน ดังนี้
- ยอดเขาด้านทิศตะวันออก บริเวณไหลเขา 
เป็นที่ตั้งของ วัดมหาสมณาราม อยู่บริเวณเชิงเขาวัง เดิมชื่อวัดสมณะ หรือ วัดมหาสมน พระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้เป็นที่ประทับเมื่อครั้งทรงผนวช ต่อมาเมื่อทรงสร้างพระนครคีรีแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัด แห่งนี้ พระราชทานนามว่า วัดมหาสมณาราม เรียกกันโดยทั่วไปว่า วัดเขาวัง ภายในโบสถ์ ฝาผนังทั้ง สี่ด้าน มีภาพ เขียนฝีมือขวัวอินโข่ง ซึ่งเป็นจิตรกรไทยคนแรก ที่ใช้วิธีการเขียนภาพแบบทัศนียวิทยา (perspective) คือ ใช้สีและแสงเงาในการวาด ให้เกิดมิติ มีระยะใกล้-ไกล และแบบภาพมองจากมุมสูง (Birds-eye view) อย่าง ตะวันตก เป็นภาพเขียน เกี่ยวกับการไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา
- ยอดเขาด้านทิศตะวันออก เป็นที่ตั้งของวัดพระแก้วหรือ วัดพระแก้วน้อย สร้างขึ้นเป็นวัดในเขตพระราชฐาน เช่นเดียวกับวัดพระแก้วใน พระบรมมหาราชวัง สิ่งที่ควรชมภายใน ได้แก่
- เจดีย์แดง ปรางค์จัตุรมุข ทาสีแดงทั้งองค์
- โบสถ์ มีสัดส่วนงดงาม และมีหน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้น รูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จัดเป็นงานปูนปั้นที่มีชื่อเสียงชิ้นหนึ่งของเมืองเพชรบุรี
- พระสุทธเสลเจดีย์ เป็นเจดีย์หินอ่อน สีเทาอมเขียว ที่มีประวัติการสร้างอันน่าทึ่ง คือ เมื่อสลักหินอ่อนเป็นชิ้น และประกอบที่เกาะสีชังเสร็จแล้ว ได้รื้อนำลงเรือมาประกอบใหม่บนเขาแห่งนี้
- ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังพระนครคีรี 
เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับอันได้แก่
- พระที่นั่งสันถาคารสถาน เป็นหมู่พระที่นั่งขนาดใหญ่ สำหรับต้อนรับแขกเมืองที่มาพักบนพระนครคีรี มีห้องรับ แขกอยู่ตรงกลาง สองข้างเป็นห้องนอน มีมุขหน้ายื่น
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ปัจจุบันเป็นพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์เป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ที่สุด ภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องราชูปโภค เช่น พระแท่นบรรทม พระฉาย (กระจกเงา) บานใหญ่ เครื่องมุก เครื่องถ้วยชาม ตุ๊กตาโลหะ ฝีมือช่างยุโรป เป็นต้น
พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ เป็นที่ประดิษฐานพระแท่นบรรทมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท เป็นปราสาทยอดปรางค์ขนาดย่อม สร้างตามคติที่ว่า การสร้างพระราชวังใหญ่ จะต้องมีปราสาท ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์แบบที่ เคยทรง ในการเสด็จออกรับทูตานุฑูต
-พระที่นั่งราชธรรมสภา สร้างด้วยศิลปะแบบผสมระหว่างไทย จีน และตะวันตก กล่าวคือ มีรูปทรงอาคารคล้าย เก๋งจีน แต่ตกแต่งตามแบบไทยและตะวันตก
- หอชัชวาลเวียงชัย เป็นหอทรงกลมสูงสองชั้น หลังคาโค้งกรุกระจก สร้างขึ้นเป็นที่ศึกษาและสังเกตการณ์ ทาง ดาราศาสตร์ สามารถชมทิวทัศน์ของเมืองเพชรบุรีได้โดยรอบ ในอดีต เวลากลางคืน จะจุดโคมไฟแขวนไว้ภาย ในโดมกระจก เมื่อมองจากทะเลสามารถเห็นได้แต่ไกล จึงเป็นที่หมายของชาวเรือในการเดิน เรือเข้าอ่าว บ้านแหลมได้อย่างดี
- เขายอดกลาง เป็น พระธาตุจอมเพชร
เป็นเจดีย์สีขาว ที่มองเห็นเด่นแต่ไกล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่ก่อน แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ และพระราชทานนามว่า พระธาตุจอมเพชร

ข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/province/central/phetchaburi/khaowang.html

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตคน-ชีวิตวัว

ภาพนี้เก็บตกระหว่างเดินทางกลับจาก ไปทัศนศึกษา เพราะการไปทัศนศึกษาจึงต้องหาความรู้ทุกแง่มุม พอดีจังหวะที่แวะเข้าปั๊ม เพื่อเติมน้ำมัน เห็น "รถบรรทุกวัว" คันหนึ่ง ท่าทางจะนำวัวไปขายหรือไม่ก็ไปซื้อวัวมาจากตลาดนัดที่ใดสักแห่ง ภาพเหล่านี้พอจะหา หรือเห็นได้ไม่ยากนัก วัวที่บรรทุกบนรถ ตัวขนาดนี้ หลายตัวอาจจะหมายถึงใกล้จัสิ้นชีวิตแล้วก็ได้ บางตัวอาจหมายถึงได้ไปมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม มีอาหารบำรุงอย่างดี เพื่อว่าวันข้างหน้า เมื่อขึ้นรถแบบนี้แล้ว จะได้มีรูปร่างที่อ้วนพี นั่นหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้น แต่ที่ต้องเอารูปนี้มา ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า บางครั้งชีวิตคน ที่ต้องดิ้นรนหากิน ต้องลงทุนกันอย่างที่สุด ทนแม้กระทั้งนอนไปหลับไปกับกลิ่นมูลวัว เขาก็ต้องทน เพราะนี่คือ วงจรชีวิตที่เขาทำเป็นประจำ "วงเวียนชีวิต" ที่หากินกับอีกหลายชีวิต

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมืองเลย2555

คราวนี้ ตัดสินใจตอนเย็น แล้วออกเดินทางเช้า ทั้งที่เป็น Long week end เพราะมีวันหยุดติดต่อกัน เสาร์ - อาทิตย์ - จันทร์ (วันจันทร์ที่ 10  ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ) แต่วันเสาร์ติดงานแต่งงานลูกชายเพื่อน เลยต้องออกเดินทางเช้าวันที่ 9 แทน 
ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไป "คุนหมิงเมืองไทย" หลายคนเรียกชื่อกันสับสน ในชื่อจริง โดยตอนแรกเคยได่ยินว่า "ผาหินงาม"  แต่ความจริงคือ "สวนหินผางาม" ผางามเป็นชื่อสถานที่ ชื่อหมู่บ้าน ถนนจากตัวอำเภอหนองหินเข้าไป 5 กิโลเมตรแรก ไม่ค่อยดีนัก ไม่ค่อยมั่นใจเลย แต่หลังจากนั้นค่อยดีขึ้น ช่วงที่ไปถึงราวสามโมงเช้า มีคนมาชมพอสมควร จอดรถเสร็จ เดินชมถ่ายรูปเล็กน้อย เข้าห้องน้ำ กลับมาที่รถอีกที คราวนี้ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะมี แรลลี่ จากกรุงเทพฯ มาผ่านจุดนี้ด้วย ทำให้บรรยากาศ คึกคักทันที 
จากนั้นตั้งใจจะหาข้าวเที่ยงแถวๆ ในเมือง แต่หาร้านที่มีคนแนะนำไม่เจอ เลยมุ่งสู่ เชียงคาน กะว่า จะกิน "กุ้งเต้น" ที่ "แก่งกุคู้" แต่พอไปถึงคนเยอะมาก กุ้งหมด เลยอด ที่มีปัญหาที่สุดคือ หาที่พักไม่ได้จนค่ำ ในที่สุด ตัดสินใจกันว่าจะนอนในรถ จอดรถเสร็จ เดินไปตามถนนคนเดินไป เลยถามบ้านหลังนึ่งที่เห็นคนเดินออกจะขึ้นรถ คุณนานเจ้าของบ้าน ใจดีมาก เดินหาถามเพื่อนบ้านให้จนเราได้ที่พัก ข้างถนนคนเดินนั่นเลย โชคดีมาก ได้เห็นทุกกิจกรรม ยิ่งตอนเช้า นรอใสบาตรกันเต็มไปหมด 

ช่วงนี้อาจเรียกว่า "ชีพจรลงเท้า" ก็ว่าได้ โผล่ที่นั่น ที่นี่ บ่อยๆ
อาทิตย์ต้นเดือน อยู่ที่ลาว อาทิตย์นี้ อยู่ที่เลย อาทิตย์หน้าอาจจะเป็นใต้ ก็ได้ ใครจะรู้


วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

2 ธันวา วันชาติลาว

ความจริงวันนี้ตั้งใจจะมาแค่ เขตปลอดภาษีเท่านั้น เพราะคนออกค่าน้ำมันว่าอย่านั้น ขณะกำลังทำเรื่องผ่านแดนเข้าลาว พวกนายหน้าแถวนั้นถาม ย้งบอกเขาว่า มาแค่ซื้อของ แต่พอเอาเข้าจริง พวกกลับเปลี่ยนใจ เหมารถ เป็นเงินไทย 800 บาท แต่ถ้าคิดเป็นเงิน กีบ เท่าไหร่ครับ ก็เอา 250 คูณดุครับ โอ้โห สองแสน กีบ ปาดโท บ่ย่อย ถามคนจับรถ บางวันได้ถึง สามเที่ยว วันนั้น รับเงิน หกแสน เกินครึ่งล้านไปแล้ว ที่นี่รถส่วนใหญ่ยี่ห้อ ฮุนได ถามว่าทำไม เขาก็ว่า ก็มีแค่ยี่ห้อนี้ รัฐบาลให้มาขาย นอกนั้นไปซื้อจากที่อื่น หรือมือสองจากที่อื่น เมืองโดยทั่วไปยังเหมือนอำเภอนอกๆ บ้านเรา แต่ไม่แออัด ถนน ถือว่ายังแคบอยู่ บ้านเรือนห่างกัน ตึกสูงๆ ไม่ค่อยจะมี มีส่วนที่กำลังสร้างใหม่หลายที่ อาจในนามรัฐบาลสร้าง คงต้องอีกนานกว่าจะเท่าเรา แต่ที่ไกลกว่าเราคือ โทรศัพท์ จะใช้ 4G อยู่แล้ว เพราะ 3G เขาใช้มานานแล้ว

ช่วงที่ไปถึงพระธาตุหลวงเป็นเวลา 12.30 น. เป็นเวลาพักกลางวัน ที่นี่จะปิดไม่ให้เข้าชม เลยต้องถ่ายรูปจากด้านนอก จากนั้นไปวัดศรีสะเกต ที่เป็นเหมมือนพิภิทธภัณฑ์ ทางศาสนาก็ว่าได้ ด้านตรงข้ามคือหอพระแก้ว สำหรับเรื่องหอพระแก้ว ไม่กล้าถามประวัติเขาจริงๆ เพราะเราก็รู้อยู่ว่า เป็นมาอย่าไร

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดอยภูคา-น่าน

เมื่อวันเสาร์ที 24  พฤศจิกายน 2555 ได้ร่วมเดินทาง ร่วมกับคณะครูอาวุโส เพื่อทอดผ้าป่า ที่บ้านน้ำดั้น ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน
เดิมทีถ้าพูดถึงอำเภอปัว  ก็จะคุ้นหูสมัยเป็นเด็ก รู้ว่าอำเภอแห่งนี้ เป็นบริเวณที่มีกำลังของ "คอมมิวนิสต์" หรือ เรียกสั้นๆสมัยนั้นว่า "คอมฯ" ได้ยินชื่อจากรายการ "เพื่อนักรบไทยในสมรภูมิ" จัดรายการโดย บรรจง  แก้วก่า ทางสถานีวิทยุ แห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น เป็นคลื่นวิทยุ AM ที่ดังมาก ช่วงเย็นๆ ราวห้าโมงเย็น เป็นต้นไป มีแฟนรายการส่งจดหมายเข้าไปขอฟังเพลง มากมาย และมอบให้กับนักรบไทยที่นั่นที่นี่ รวมทั้งที่ อำเภอปัว จังหวัดน่านแห่งนี้ ไม่เคยนึกฝันว่าจะได้มาที่นี่
สำหรับดอยภูคา ยุคนี้มีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ "ดอกชมพูภูคา" ที่ว่ากันว่ามีแห่งเดียวนี้เท่านั้น เวลาออกดอก จะออกทั้งต้น ดอกใหญ่สีขาวอมชมพูสวยงาม แต่เสียดาย ยังไม่ถึงฤดูกาลของมัน อย่างน้อยก็ได้เห็นต้นก็ยังดี เลยได้แต่เปิดหารูปในเน็ตชมไปก่อน
ภาพจาก http://www.tripdeedee.com/traveldata/nan/nan08.php
คลิกไปชมภาพดอกชมพูภูคา
ความจริงเตรียมกันไว้ว่าจะไป อำเภอบ่อเกลือ แต่เจอปัญหา วันนั้นฝนตก และมีการสร้างถนนใหม่ จึงไม่สะดวกที่จะไปต่อ วันนั้นจึงต้องลงมานอนที่ ตัวเมืองน่านหาที่พักได้แล้ว ก็ไปไหว้พระธาตุแช่แห้ง ขึ้นไปชมทิวทัศน์เมืองน่านที่วัดพระธาตุเขาน้อย ก่อนจะลงมาเดินชมตลาดถนนคนเดินที่ หัวเวียงใต้
ชอบอย่างหนึ่งที่ ที่นี่จัดไว้คือมีลานปูเสื่อเอาไว้ มีขันโตกตั้งไว้ มีจานไว้บริการ ฟรี แถมมีเพลงพื้นเมืองภาคเหนือฟัง ถ้าดึกหน่อยจะมีการแสดงของเยาวชน และผู้ที่อยากมีส่วนร่วมอีกด้วย

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กรรมการตัดสินงานศิลปะหัตถกรรม ครั้งที่ 62

           การแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียน ประจำปี 2555 สำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธมศึกษาเขต 25 ปีนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2555 ณ สนามแข่งขัน 5 โรงเรียนเหมือนเดิม และปีนี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตัดสินอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ มีทีมลงทะเบียนแข่งขัน 37 โรง สละสิทธิ์ 3 โรงเรียน บางโรงเรียนลงวินโดว์ไม่ผ่านก็มี เครื่องไม่ผ่านก็มี บางโรงเรียนประกอบลงวินโดว์เร็วมาก แต่คะแนนสอบ ออกมา นิดเดียว อดไปชัยภูมิเลย



วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หล่อพระศากยมุณีพุทธขยันตี-วัดบ้านอัมพวัน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 วัดวิจารณ์สว่างโสภา ได้ประกอบพิธีหล่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อเป็นพุทธบูชา มีหลวงพ่อกล้วย พระสำราญ ธมฺมธุโร มาเป็นประธาน นำสารีลิกธาตุ และวัตถุมงคลบรรจุในองค์พระ และยังมีเมตตาช่วยสร้างพระอุโบสถ์ให้เสร็จอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กีฬาสี 2555

เมื่อวันที่ 1-2 พฤศจิกายน  2555โรงเรียนขอนแก่นพัฒนศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาสีภายในขึ้น 

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Go to Cheingmai 2555

และแล้วปิดเทอมนี้ก็ได้ออกจากบ้านเสียที (ไม่ได้มัวแต่ปั้นคุณตัวอย่างเดียว) ว่ากันอย่างนั้น พอตัดสินใจปุ๊บ บ่ายวันที่ 19 เช้าวันที่ 20 ตุลาคม ก็ออกเดินทางกันเลย กะว่าตั้งแต่ตี 4 แต่กว่าจะออกได้ก็ ตี 5 เติมน้ำมันครั้งแรกที่ ชุมแพ จากนั้นไปรับประทานอาหารเช้าที่ แก่งน้ำเข็ก ที่เป็นสายน้ำจากแก่งโสภา เป็นเขตจังหวัดพิษณุโลกแล้ว การเดินทางไม่ได้เข้าพิษณุโลก เลี้ยวขวาที่ อ.วังทอง มุ่งสู่ อุตรดิตถ์  แต่ระหว่างทางมีเสียงดังขึ้นที่ล้อด้านขวา เข้าใจว่ายางรั่ว แต่ลงไปดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ค่อยๆขับไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้รู้สึกได้อยู่แล้วว่า ลูกปีืนล้อมีเสียง เมื่อวิ่งประมาณสัก 90-100 จะได้ยินชัด ทีแรกกะว่าจะยังไม่เปลี่ยน แต่ต้องเอารถเข้าศูนย์ HONDA ที่อุตรดิตถ์ ช่่างบอกว่าลูกปืนดังถูกต้องแล้ว เช็กดูอะไหร่  มี เลยตัดสินใจเปลี่ยนกะว่าจะใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงที่ไหนได้ ปาเข้าไป 3 ชั่วโมงกว่า แล้วก็ถึง เชียงใหม่ตอนราวทุ่มเศษ 
ตอนเช้าขึ้นไปดอยสุเทพ เข้าชมพระตำหนัก แต่ช่วงนี้ดอกกุหลาบยังไม่มาก ส่วนใหญ่เริ่มผลิใบเท่านั้นเอง แต่ยอมรับว่าอากาศข้าวบนดีมาก เย็นสบาย แม้จะมีเหงื่อออกก็เย็นดีอีกด้วย

ราวเที่ยงกว่าๆ เดินทางต่อไปยังดอยปุุย ในเมื่อคนอื่นเขายังขับขึ้นไปเอง ทำไมเราจะไปเองไม่ได้  แม้ดอกไม้จะยังไม่มาก แต่คนก็เยอะพอสมควรทีเดียว 
พอลงจากดอยปุยก็เข้าไปสวนราชพฤกษ์อีกครั้ง ที่ 3 แล้ว คนไม่ค่อยมากแต่ก็มีเป็นระยะ มีก้อนเมฆลอยมา ถ้าเป็นบ้านเราก้อนขนาดนี้ ตกครู่เดียวก็หยุด หรือไม่ก็แค่ปรอยๆ ที่ไหนได้ ต้องหาที่หลบ แล้วหลังคาจุดรอรถไม่สามารถกันฝนได้อีกต่างหาก เปียกไปบางส่วนด้วยเลย แต่เน้นกล้องอย่าเปียกก็พอ
วันรุ่งขึ้นไปที่น้ำพุร้อนสันกำแพง โดยใช้Tablet ช่วยหาหนทาง สร้างความแปลกใจให้ครูคิดไม่น้อย

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิทยากรอบรมการผลิตสื่อ-เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน

            เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2555 ได้ทำหน้าที่วิทยากรอบรมวิทยากรอบรมการผลิตสื่อ-เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ตามโครงการพัฒนาครูนับจากวันที่ 5 ตุลาคม เป็นต้นมา โดยใช้โปรแกรม ProShow Gold ได้รับความสนใจจากคณะครูและบุคลากรเป็นอย่างดี งานนี้มีการแข่งขันประกวดผลงานด้วย เชื่อว่าคงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนครูไม่น้อย
   

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กรรมการตัดสิน สรภัญญ์

สรภัญญ์ วัดวิจารณ์สว่างโสภา
7 ตุลาคม 2555

ประเภทเยาวชน
1. เทพธิดาฟ้าประธาน                   ได้ลำดับที่      2
2. เทพธิดาเสียงเสน่ห์                     
3. ยุวชนน้องใหม่กู่สว่าง                 
4. น้องใหม่สาวน้อยเพชรสุวรรณ   ได้ลำดับที่         3
5. น้องใหม่ยุวชน                       
6. เทพธิดาน้อยเสียงสวรรค์          ได้ลำดับที่      1

ประเภทประชาชน
  1. หนองบอนสามัคคีธรรม
  2. บ้านหนองบัวลอง
  3. สองคอนดอนสวรรค์                  ได้ลำดับที่     3
  4. ม่วงศรีพัฒนา
  5. เทพนมิตรเสียงเสน่ห์
  6. บ้านเสียวน้องใหม่                     ได้ลำดับที่     2
  7. น้องใหม่เพชรโพธิ์ดก
  8. วิภัสเสียงทอง                            ได้รางวัลชมเชย
  9. โฆษธรรมเสียงทอง
10. สามัคคีวัยทอง                          ได้ลำดับที่     1
11. วัดม่วงศรี                                  ได้รางวัลชมเชย
12. พระธาตุขามแก่นเสียงสวรรค์
13. เทพนิมิตรศิษย์วัดเจฯ


วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

QR Code ขอนแก่นพัฒนศึกษา

เรียกได้ว่าทุกวันนี้ QR Code มีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคของโลก IT ทำให้มีความสำคัญ มองไปทางไหน ก็จะมี บาร์โคดตัวรูปสี่เหลี่ยมและมีลาดลาย เป็นจุดและขีดต่อๆกัน หลายคนคงสงสัยวิธีการใช้ หรือสงสัยว่า มันคืออะไร ดังนั้นขออธิบายว่าหากเราใช้โปรแกรมอ่านQR Code ที่เป็น App. ของแอนดรอย หรือที่ติดตั้งบนโทรศัพท์ ก็จะทราบว่า มันคืออะไร ทั้งยังมีลิงค์เชื่อมโยงไปยังเวบไซต์นั้นๆได้ด้วย
ใครที่มีโปรแกรมก็ลองสแกนดูนะครับว่า QR Code นี้คืออะไร

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

อบรม OBECLMS ที่ฝางวิทยายน


      
อีกครั้งกับการอบรม ObecLms V.3.2 ที่โรงเรียนฝางวิทยายน ความจริงครั้งนี้คือการอบรม การพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Socail Network
หรือแม้นแต่ LMS
      ความหมายของ   LMS ย่อมาจาก Learning Management System หรือระบบการจัดการเรียนรู้ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ จะประกอบด้วยเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ดูแลระบบ โดยที่ผู้สอนนำเนื้อหาและสื่อการสอนขึ้นเว็บไซต์รายวิชาตามที่ได้ขอให้ระบบ จัดไว้ให้ได้โดยสะดวก ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหา กิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยผ่านเว็บ ผู้สอนและผู้เรียนติดต่อ สื่อสารได้ผ่านทางเครื่องมือการสื่อสารที่ระบบจัดไว้ให้ เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องสนทนา กระดานถาม - ตอบ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ การเก็บบันทึกข้อมูล กิจกรรมการเรียนของผู้เรียนไว้บนระบบเพื่อผู้สอนสามารถนำไปวิเคราะห์ ติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนในรายวิชานั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
      สำหรับการอบรมครั้งนี้ ต้องยกความดีให้ คุณครูคเชน กองพิลา จากฝางวิทยายน พร้อมทั้ง คณะจากกัลยาณวัตร คุณครูชัชวาลย์  คุณครูเผ่า 

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

งานที่ 2 ม.4-2555-1

วีดีโอ-มาร์ซขอนแก่นพัฒนศึกษา
รายชื่อผู้ที่ส่ง Mail แจ้งครูเรียงตามลำดับ
ศิริพักตร์ ศรีนางาม
โยทกา นามภักดี
รัติมากรณ์ สอนสุภรี
พรรณนิษา นามโคกสี
พรนภา ไชยมูล
วงศกร ทนค้ำ
คันธารัตน์ คนยง
ณัฐพงษ์ เชียงนางาม
จีรศักดิ์ โวทานศิริกุล
ฉัตรชัย โวทานศิริกุล
นนทวัฒน์ บาอุ้ย
พรทิพา กงลา
อรอุมา พลพิทักษ์
อรุณรัตณ์ ตาเมือง
ศิริพร อาจสามารถ
พัชราวดี ทองบ้านทุ่ม
นาตยา อู่นอก
ชุติมา บุปผา
ศศิธร อุตริ
อรอุมา เตือนขุนทด
จุฑาพร วายุภักตร
เกียรติศักดิ์ ดวงชัยสา
ทศพล ศรีมี
ปัญญาสัมปทา จันทวิสา


วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อบรมผลิตสื่อเพื่อการวิจัยในชั้นเรียน

เมื่อวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2555 สำนักเทคโนโลยีทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดอบรมครู ในโรงเรียนกลุ่มศิลาและรวมทั้งโรงเรียนขอนแก่นพัฒนศึกษา ณ โรงเรียนบ้านโนนม่วง จำนวน 3 หลักสูตร

ขอขอบพระคุณ วิทยากรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น  และโรงเรียนบ้านโนนม่วง ที่อำนวยความสะดวกในครั้งนี้

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

งาน ม.5 ก่อนกลางภาคเรียนที่ 1/2555

รายชื่อนักเรียนที่ส่งงาน E-Bookแล้ว
1. น.ส.ธิดารัตน์  เพชรตะกั่ว
2. น.ส.น้ำฝน  กลางเหลือง
3. น.ส.วราพร  พระนคร
4. น.ส.ปภาวรินทร์  วงศ์กังวาน
5.น.ส.อนุสรา  สีกวนชา
6. น.ส.จิรัชญา  สกุลพรรณ
7. น.ส.จันทิวา  ยาวะระ
8. น.ส.ธัญญารักษ์  ชนิดชน
9. น.ส.วารี  บัวบุศย์
10. นายนนทวัตร  วันละ
11. น.ส.จินตนา  รัตนกุล
12. น.ส.สุกัญญา  กุลไพศาล
13. นายเจตพล  อนุสี
14. น.ส.โชตินภา  ลาลุด
15. น.ส.สายธาน  โพธนะ
16. น.ส.จันทริการ  รัตน์อ่อน
17. น.ส.นราทิพย์  เรืองแหล่
18. น.ส.จิราภรณ์  ชินคำ
19. น.ส.สุกัญญา  กุลไพศาล
20. น.ส.พัชราภรณ์  คุณทะนัง
21. นายพงษ์พัฒน์  ไข่เพชร
22. น.ส.อังศุมารินทร์  เคเมือง
23.น.ส.ชนิตา ธรรมพิชิตศึก
24.น.ส.ชนิตา  ไชยเดช


งาน ม.4 ก่อนกลางภาคเรียนที่ 1/2555

รายชื่อนักเรียน ม.4 ที่ส่งงานแล้ว มีดังนี้
คลิกที่ชื่อ เพื่อดูผลงาน
นาตยา อู่นอก ปัจฉิมนิเทศ 53
พรนภา ไชยมูล ต้นไม้ของพ่อ
วงศกร ทนค้ำ ผีตาโขน
ธนาพร หงษ์ลา วันแม่
พัชราวดี ทองบ้านทุ่ม เพื่อนไม่ทิ้งกัน
ชุติมา บุบผา วันพ่อแห่งชาติ
รัติมาภรณ์ สอนสุภรี วันแม่
เพ็ญพิชชา กันทะมา วันปีใหม่
ศศิธร อุตริ วันไหว้ครู
อรอุมา เตือนขุนทด วันสงกรานต์
โยทกา นามภักดี  วันสงกรานต์
ศิลามณี กงลา วันแม่
ทศพล ศรีมี วันพ่อ
พรรนิษา นามโคกสี เพื่อน
นัฐติยากร ทองขาว วันพ่ออย่าลืมกลับไปขอพร
ศิริพร อาจสามารถ วันแม่
อรุณรัตน์ ตาเมือง จะดูแลกันและกัน
อุบลรัตน์ ธรรมจักร  แอบรัก ในวันวาเลนไทน์
สุรีย์พร โพธิ์อุดม วันวาเลนไทน์
ศิริพักตร์ ศรีนางาม  วันแม่
ณีรนุช จ้ายหนองบัว วันแม่
กัญญารัตน์ พระลับรักษา เพื่อนกันจนวันตาย
ปัญญาสัมปทา จันทวิสา ประเพณีบุญบั้งไฟ
ธีระศักดิ์ ข้อยุ่น วอลเลย์บอลหญิง
นนทวัฒน์ บาอุ้ย  เพื่อน
นพพล ผุยโสภา  ลอยกระทง
เกียรติศักดิ์ ดวงชัยสา  บุญบั้งไฟ
พรธิภา กงลา  ทะเล

หมายเหตุ นักเรียนที่ยังไม่ดำเนินการ ให้รีบส่งงานโดยด่วน ก่อนวันที่ 23 ก.ค.55

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มาเรียนใช้ Tablet กันเถอะ


๑. เรียนรู้ Tablet
๒. เปรียบเทียบ Tablet กับ PC
๓. Tablet ใช้ทำอะไรได้บ้าง
๔. การเริ่มใช้ Tablet
๕. สุขอนามัย Tablet
๖. ระบบปฏิบัติการของTablet
๗. สร้างบัญชีผู้ใช้งาน
๘. การเปิดใช้บัญชีผู้ใช้
๙. การติดตั้ง App. ลง Tablet
๑๐. ตลาด Market Store
๑๑. App.ที่น่าสนใจ
๑๒. E-book บน Tablet
๑๓. การค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต
๑๔. ค้นหา website
๑๕. มารู้จัก Google Doc
๑๖. การใช้งาน Google Doc
๑๗. การใช้ Facebook บน Tablet
๑๘. นามสกุลของไฟล์ที่ใช้ทำงานได้บน tablet
๑๙. การนำไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่งเข้าไปในเครื่อง Tablet
๒๐. ใช้โปรแกรม Office บน Tablet
๒๑.คอมพิวเตอร์เหนือเมฆหรือ Cloud Computing
๒๒. วิธีการใช้งาน Dropbox

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน2555

เยี่ยมบ้านนักเรียนปี2555

ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2555 นักเรียนบางคนครูต้อง โทรไปปลุก จากที่นอน บางคนรอครูทั้งวัน ถือว่าธรรมดา ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองนักเรียนเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่ทราบและเข้าใจวัตถุประวสงค์การเยี่ยมบ้านเป็นอย่างดี เท่าที่สังเกต นักเรียนคนใดที่ครูไปเยี่ยมบ้านได้ จะยังอยู่และเรียนจนจบ ส่วนคนที่ครูไปเยี่ยมบ้านไม่ได้ ไปไม่ถึง นักเรียนไม่ให้ความร่วมมือ มักจะเรียนไม่ค่อยจะจบ อันนี้เป็นเพียงความคิดเห็น หรือว่าจะเป็นจริง

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การติดตามประเมินการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา

วันนี้ วันอังคารที่ 26 มิถนายน พ.ศ. 2555 เป็นอีกวันหนึ่งที่โรงเรียนมีหลายกิจกรรมร่วมกัน ที่กิจกรรมวันสุนทรภู่ และต้อนรับการประเมินจากคณะกรรมการจาก สพม.25 ที่มาประเมินติดตามการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน นำโดยท่าน ผอ.สมยศ รัตนถา  ผอ.เรืองยศ  แวดล้อม และผอ.คมสันต์ ได้รับคำแนะนำที่ดีจากคณะกรรมการเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณไว้ณ ที่นี้ด้วย
ภาพกิจกรรมชมได้ที่นี่

กิจกรรมวันสุนทรภู่ ขกศ"55

เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปี สำหรับวันสำคัญทางภาษาไทย ด้านวรรณกรรมนี้ ปีนี้ก็จัดแม้จะไม่ยิ่งใหญ่มากนัก แต่ก็ถือได้ว่า มีสีสรรพอควร
ชมภาพได้ที่ ลิงค์นี้


วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติวันสุนทรภู่


สุนทรภู่ ชื่อนี้พวกเราชาวไทยรู้จักกันดี เพราะท่านเป็นสุดยอดกวีเอกแห่งกรุงสยาม ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานบทประพันธ์ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนที่มีชื่อเสียงมากมายไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ทรงคุณค่า เนื่องจากบทประพันธ์ของท่านนั้น สะท้อนสภาพของสังคมไทย ในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน ทำให้งานนิพนธ์ของสุนทรภู่ ไม่ได้รับความนิยมอยู่แค่ ในยุคสมัยของท่านเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน และจากผลงานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) จึงยกย่องให้เป็น ?บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก?
สุนทรภู่ หรือพระยาสุนทรโวหาร มีนามเดิมว่า ภู่ เกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ที่พระราชวังหลัง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟบางกอกน้อย) ส่วนบิดาไม่ทราบชื่อ รู้แค่ว่าเป็นชาวบ้านกร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ส่วนมารดาเป็นข้าหลวงในพระราชวังหลัง แต่ได้เลิกรากับบิดา ตั้งแต่ท่านเกิดแล้ว ท่านได้รับการศึกษาขั้นแรก ที่พระราชวังหลังและวัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) จากนั้นจึงได้เข้ารับราชการ ในตำแหน่งเสมียนระวางกรมพระคลังสวน ด้วยกำลังอยู่ในวัยหนุ่ม ท่านได้ต้องใจผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า จัน ท่านจึงได้เขียนเพลงยาวส่งให้นางจัน จนบิดามารดาของนางจันจับได้ แล้วนำความไปกราบทูลกรมพระราชวัง ทำให้ท่านและนางจัน ถูกต้องโทษจำคุกในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อพ้นโทษออกมา จึงเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่เมืองแกลง จ.ระยอง
ด้วยความที่ท่าน เป็นคนชอบการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ท่านได้เข้ารับราชการอีกครั้ง ในกรมพระอาลักษณ์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และด้วยความสามารถในโคลงกลอนของท่าน รวมถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเรื่องโคลงกลอนเป็นอย่างมาก (ซึ่งพระองค์เองก็ทรงเป็นกวีเอก ที่ได้รับการยกย่องเช่นเดียวกัน) ท่านจึงเป็นที่โปรดปราน ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นอย่างมาก จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษา และคอยรับใช้ใกล้ชิดพระองค์
3
ต่อมาในปี พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุก เนื่อง จากเมาสุราอาละวาด และทำร้ายผู้ใหญ่ แต่ติดคุกอยู่ได้ไม่นานก็พ้นโทษ เพราะความสามารถในทางกลอนจึงเป็นที่พอพระราชหฤทัย ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ ได้ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเสพสุรา จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร จึงได้ออกบวชและจำพรรษาที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) แล้วได้ลาสิกขาในปี พ.ศ. 2369 ขณะที่ออกบวช ท่านได้เดินทางไปหลายแห่ง ท่านจึงได้แต่งนิราศไว้หลายเรื่อง อาทิ นิราศสุพรรณ, นิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศภูเขาทอง
เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความที่สุนทรภู่ ได้แต่งโคลงกลอน เป็นที่ต้องพระราชหฤทัย ท่านจึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นพระสุนทรโวหาร ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวัง และรับราชการได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมในปี พ.ศ. 2398 สำหรับผลงานของสุนทรภู่นั้น มีอยู่มากมายจำนวนหลายเรื่องด้วยกัน แต่เท่าที่ยังมีปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ได้แก่
96-1-l
> ประเภทนิราศ อาทิ นิราศเมืองแกลง, นิราศพระบาท, นิราศเมืองสุพรรณ, นิราศภูเขาทอง, นิราศพระประธม, นิราศเมืองเพชร
> ประเภทนิทาน อาทิ เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องสิงหไกรภพ, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องพระไชยสุริยา
> ประเภทสุภาษิต อาทิ สวัสดิรักษา และเพลงยาวถวายโอวาท
> ประเภทบทเสภา อาทิ เรื่องขุนช้างขุนแผน, เรื่องพระราชพงศาวดาร
> ประเภทบทเห่กล่อม อาทิ เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร และเห่เรื่องกากี
pic30609114225
จะเห็นได้ว่าผลงานของท่านนั้น ยังเป็นที่ยกย่องของคนทั่วไปมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นผลงานที่มีความไพเราะ สนุกสนาน และแฝงด้วยคติสอนใจ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ ในเรื่องของสภาพบ้านเมือง ที่สะท้องถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของคนในสมัยนั้น ได้เป็นอย่างดี? จึงทำให้กระทรวงศึกษาธิการนำผลงานนิพนธ์ของท่านหลายเรื่อง มาใส่ไว้ในบทเรียนให้เยาวชนได้ศึกษาต่อไป นอกจากนี้ หลังจากที่ยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องให้สุนทรภู่ เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในปี พ.ศ. 2529 แล้ว ต่อมาในปี พ.ศ.2530 รัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็น วันสุนทรภู่ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ แก่สุนทรภู่ที่สร้างสรรค์ผลงานนิพนธ์อันทรงคุณค่า แก่แผ่นดินไว้เป็นจำนวนมาก
และในวันสุนทรภู่ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน 2552 นี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงสุดยอดกวีเอกแห่งกรุงสยาม สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ร่วมกันยกย่องเชิดชูเกียรติ และเผยแพร่ผลงานอันทรงคุณค่าของท่าน เนื่องจากผลงานของท่านแต่ละชิ้นนั้น สามารถถ่ายทอดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของไทย ที่สะท้อนความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี สามารถเป็นแบบอย่างเรื่องของการใช้ภาษาไทย ให้แก่อนุชนรุ่นหลังที่มีความสนใจ ในด้านการแต่งบทประพันธ์ ต่อไปในอนาคต
ที่มา เอ็มไทย.คอม
ติดตามเรื่องราวความรู้ดีๆได้ที่ www.urrac.com/rangsit
ขอขอบคุณ เว็บไชต์  http://blog.eduzones.com/rangsit/51544#.T-kKlxedBlI

การอบรมที่น่าผิดหวัง

จากความพยายามที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุมนุม  อาสา ICT ด้วยหวังเอาไว้ว่านักเรียนน่าจะสนใจในการรับการอบรมรับความรู้ เพราะมันคือการอบรมการซ่อมคอมพิวเตอร์ ทั้งที่มีการรับสมัครนักเรียนทั่วไป ก็มีนักเรียนน้อยคนที่สนใจ ทั้งที่ความจริงมันสามารถ พัฒนาไปสู่อาชีพก็ยังได้ แต่นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดความสนใจ ซ้ำยังมีหลายคนที่มาอบรมไม่ครบตามเวลาที่กำหนดไว้ คือ 2 วัน

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Animation Kid

ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2555 นักเรียน ICT จำนวน 4 คน ได้รับคัดเลือกให้เข้าอบรม Animation Kid ที่ ศูนย์คอมพิวเตอร์เทศบาลนครขอนแก่น มีรายชื่อคือ
เด็กหญิงอภิญญา  มาโสภา
เด็กหญิงอาทิตย์  กิจขุนทด
เด็กหญิงนริษรา  บุกกลาง  และ
เด็กหญิงอุไรลักษณ์  แสนสนิท
เพื่อนๆ อาสา ICT หวังในพวกหนูนะว่าจะนำความรู้มาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ


วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บุญบั้งไฟ ทต.สำราญ ปี55

เป็นปีแรกที่เทศบาลตำบลสำราญ จัดงานบุญบั้งไฟ โดยที่ไม่มีการแข่งขัน นับว่าพอจะเข้าทางแล้ว แต่กระนั้นการดำเนินการหรือการกำกับเวทีที่ด้อยประสบการณ์ จึงยังมีคำติฉินนินทาได้เหมือนเดิม อย่างว่านั่นแหละ พิธีกร ที่ไม่เป็นกลาง ย่อมทำในสิ่งที่ไม่ดี อยู่ได้ตลอด
บ้านอัมพวัน - รำถวายหลักบ้าน
บ้านโคก หมู่ 9
 
บ้านโคก หมู่ที่ 12
บ้านนางาม หมู่ที่ 2
ขออภัยหากไม่เหมาะสม

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อบรม ครูคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ KKU

ระหว่าง วันที่ 2-4 มิถุนายน 2555 ตามหนังสือ ที่ ศธ 04225/2130 ลงวันที่  25 พฤษภาคม 2555 มีคำสั่งจาก สพฐ.ให้เข้ารับการอบรม ที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับการจัดให้เข้าเรียนใน ห้อง A บนชั้น 6 ตึกหลอด มีอาจารย์ ดร.สายันต์ หรือ อ.แปะ กับ ดร.หน่อย เป็นวิทยากรหลัก และมีน้อง TA อีก 3 คน เรียน ภาษา C++ ที่ปกติเรียนกัน เป็นเทอม แต่ครั้งนี้เรียนแค่ 2 วัน ได้เท่านี้ก็ สุดยอดแล้ว มันจะเป็นแนวทางต่อไป

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เป็นวิทยากรอบรมการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ

เป็นวิทยากรอบรมด้านระบบข้อมูลสารสนเทศ ประจำปีการศึกษา 2555 โดย สพม.25
แบ่งออกเป็น 2 รุ่น ในวันที่ 26 - 27  พฤษภาคม 2555 ณ ห้องสารสนเทศ 4 โรงเรียนกัลยาณวัตร

เป็นการอบรมเกี่ยวกับการกรอกข้อมูล Data On Web  หรือ เมื่อกอ่นเรียกว่า Data Center แต่ปีนี้เพิ่มเปลี่ยนเป็น DMCเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการรับ งบประมาณ รายหัวนั่นเอง ขอบพระคุณ สพม.25 โรงเรียนกัลยณวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านอาจารย์เผ่า  พันธโคตร หน.กลุ่มสาระการงานอาชีพเลขเทคโนโลยี วิทยาการผู้ประสานงาน UTQ Online

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อบรม UTQ Online ปี 2555

ระหว่างวันที่ 20 เมษายน 2555 ถึง  20 กันยายน  2555 รวมเวลา  5 เดือน สพฐ. ได้จัดให้มีการอบรม UTQ Online อีกครั้งหนึ่ง มีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวิชาหลักหรือวิชาเฉพาะ กลุ่มที่่เกี่ยวกับหน้าที่ และกลุ่มวิชาเลือกทั่วไป หากอบรมครบและผ่านทั้ง 3 กลุ่ม จะได้วุฒิบัติเพิ่มอีก 1 ฉบับ

ในช่วงที่ว่าง คือปิดเรียนจึงได้เกินกำหนดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2555 ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังเรียนต่อไปครับ

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน55

ในช่วงปิดภาคเรียนภาคฤดูร้อนอันยาวนาน หลายคนต่างมีกิจกรรมกันไปตามถนัด การปิดเรียนนัยว่าเป็นการหยุดให้นักเรียนได้พักผ่อน ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่าไม่ทราบ เห็นมีเด้กหลายคน ผมเปลี่ยนเป็นสีทอง ไม่ยอมตัด เที่ยวไปอย่างไม่มีจุดหมายอาจเพิ่มปัญหาสังคมด้วยซ้ำไป

แต่โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดวิจารณ์สว่างโสภา บ้านอัมพวัน เป็นโครงการหนึ่งที่น่าสนับสนุน เพราะก่อนให้เกิดผลดีหลายๆอย่าง เป็นต้นว่า การได้ศึกษาพระธรรม การฝึกจิตภาวนา ฝึกความรับผิดชอบ สำหรับผู้เข้าโครงการ ส่วนด้านอื่นๆ ญาติโยมที่ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกัน ก่อให้เกิดการเสียสละ ความสามัคคี
แม้ว่าสิ้นสุดโครงการแล้ว จะมีเงินเหลือเพื่อร่วมสร้างอุโบสถ ไม่กี่แสนบาทก็ตามที
ในปีนี้ก็ได้ร่วมในการเป้นช่างภาพ ในการเก็บภาพเหตุการณ์ แม้จะไม่ครบทุกกระบวนการ เพราะภารกิจส่วนตัว ก็ยังถือว่าพอใจที่ได้ร่วมงานนี้ โครงการเริ่มตั้งแต่ราววันที่ 6 เมษายน สิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2555

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

พิธีมอบประกาศนียบัตร ประจำปี 2554

         เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕ โรงเรียนขอนแก่นพัฒนศึกษา โดยฝ่ายวิชาการได้จัดให้มีพิธีการมอบประกาศนียบัตร ให้กับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา ๒๕๕๔ ซึ่งมีทั้งที่สำเร็จการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ และผู้จบการศึกษาภาคบังคับ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ดังนั้น นักเรียนบางคนก็อยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้มารวม ๖ ปี บางคนก็อยู่มา ๓ ปี สถานศึกษาแห่งนี้จึงน่าจะผูกพันนักเรียนตลอดไป

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรม ปัจฉิมนิเทศ ปีการศึกษา 2554


เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 โรงเรียนขอนแก่นพัฒนศึกษา จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศให้กับนักเรียนที่จบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 ที่สำเร็จในปีการศึกษา 2554 หลายคนจบออกไปอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของหลายรายการที่สำคัญ ทั้งที่บอกว่า โรงเรียนรางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา2553 และเมื่อเร็วๆนี้ คือ การได้ช่วยให้โรงเรียนเป็นต้นแบบโรงเรียนในฝัน (โรงเรียนดีประจำอำเภอ) หรือ โรงเรียนในฝันรุ่นที่ 3 แม้จะมีบางส่วนที่ยังไม่จบแม้ว่าเพื่อนร่วมห้องเขาจบออกไปแล้วก็ตาม เพราะความไม่พร้อมของเขานั่นเอง

อบรม ObecLMS


เมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2555 เข้ารับการอบรม การจัดการเรียนการสอนบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ด้วยโปรแกรม OBECLMS V 3.1 ที่พัฒนาโดย สพฐ.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี